แก๊งหลังอาน

สุรินทร์ภักดี แมว-หมาไทย ยินดีต้อนรับ

เว็บบล็อกสุรินทร์ภักดี แมว - หมาไทย ยินดีต้อนรับ ผู้ที่รักสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะหมาและแมว

พีด่าง

พีด่าง

สิงห์โต

สิงห์โต
สิงห์โตเป็นหมาลูกผสมระหว่างบางแก้วกับหลังอานสิงห์โตจะเป็นหมาเงียบสุขุมจะรักเจ้าของมาก


โรคแมวและการป้องกัน

โรคแมวและการป้องกัน
โรคที่เกิดกับแมวสัตว์เลี้ยงของคุณอยากทราบรายละเอียด " คลิ๊กเข้าชมข้อมูลได้เลย"

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2551



ระวังยาพราราเซตตามอลใช้กับ หมา - แมว ไม่ได้นะ
คนรักหมา - ยาหมา-ยาแมว โดย - บัญชร ชวารศิลป์ คุณหมออำพล จินดาวัฒนะ ผู้อำนวยการสำนักงานปฏิรูประบบสุขภาพแห่งชาติ (ได้มอบหนังสือมาให้ผมเล่มหนึ่งชื่อ "ยาหมา-ยาแมว) ซึ่งแปลโดย พิสิฐ วงศ์วัฒนะ พร้อมจดหมายประกอบที่เล่าให้ฟังว่า ท่านรับมรดกสังคมจากอาจารย์ ประเวศ วะสี ทำมูลนิธิหมอชาวบ้านเพื่อเผยแพร่ความรู้และสุขภาพแก่ประชาชนเป็นบริการสังคมไม่หวังกำไรทางธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ในการดูแลตัวเองและดูแลกันและกันให้ได้มากๆ มูลนิธินี้ทำงานมาเกือบ 3 ปี แล้ว โดยมีการทำหนังสือจำหน่ายในนามของสำนักพิมพ์หมอชาวบ้านอีกด้วย สำหรับหนังสือ "ยาหมา-ยาแมว" ที่ส่งมาให้ผมนี้เป็นการซื้อลิขสิทธิ์มาทำ ผมรีบพลิกอ่านทันทีด้วยความสนใจ ที่อ่านแล้วชอบใจเป็นลำดับแรกก็ตรงคำนำของผู้แปล ที่ว่าถึงที่มาของชื่อหนังสือว่าทั้งๆ ที่ควรตั้งชื่อว่า "ยาสุนัข-ยาแมว" แต่ท่านเห็นว่าจะเป็นการศักดินาแก่หมามากกว่าแมว ซึ่งถ้าจะให้เสมอภาคกันก็ต้องใช้คำว่า "ยาสุนัข ยาวิฬาร์" เพราะวิฬาร์แปลว่าแมว เรื่องนี่ตรงใจผมกับคุณหมอปานเทพจริงๆ เพราะในรายการ "หมอเฮ-เสธ.ฮา" นั้น นอกจากจะเรียกว่าหมาและแมวตรงๆ แล้ว ศัพท์คำอื่นที่เกี่ยวข้องเราก็ใช้คำตรงไปตรงมาเช่นเดียวกัน อย่างเช่น เราไม่ใช้ "หมาทานข้าว" แต่ใช้ "หมากินข้าว" หรือ "หมาถ่ายอุจจาระ" เราก็ใช้ "หมาขี้" ดังนี้ เป็นต้น พลิกดูในเนื้อหา แม้เกือบทั้งหมดจะเป็นรายละเอียดที่เกี่ยวข้องของยาชนิดต่างๆ ซึ่งคงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับห้องสมุด คลินิกและร้านขายยาหมายาแมวทั้งหลาย แต่เนื้อหาในช่วงแรกๆ ก็น่าสนใจสำหรับคนรักหมา คนรักแมว ทั่วๆ ไป ดังตัวอย่างต่อไปนี้ คนรักหมา คนรักแมว ทราบไหมครับว่า ยาสามัญประจำบ้านของคนเราชนิดหนึ่ง จัดว่าเป็นยาพิษร้ายแรงสำหรับหมาและแมว เพราะเพียงเม็ดเดียวเท่านั้นก็สามารถฆ่าแมวได้ 1 ตัวทีเดียว ยาที่ว่านี้คือ "พาราเซตามอล" ผมเชื่อว่ามีคนรักหมาจำนวนไม่น้อยที่เมื่อหมาเกิดอาการเจ็บป่วยปัจจุบันทันด่วนขึ้นมา ก็ใช้ของคนที่มีติดบ้านนี่แหละแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา เรื่องนี้มีคุณนายละเอียดเป็นพยาน แต่ต้องยกเว้น พาราเซตามอล ซึ่งผมก็เพิ่งทราบเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้นี่เอง พาราเซตามอลเป็นยาบรรเทาอาการปวดและลดไข้ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสำหรับมนุษย์ แต่เป็นยาพิษร้ายแรงสำหรับหมาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแมว หมานั้นขนาดยาที่เป็นอันตราย คือ 365 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ส่วนแมวอยู่ที่ 55 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ยาพาราเซตามอลขนาดปกติคือ 325 มิลลิกรัม ที่คุณมีอยู่ในตู้ยาจึงสามารถฆ่าแมวได้ทันที สัญญาณที่แสดงอาการพิษของพาราเซตามอลต่อหมาคือ ซึม อาเจียน น้ำปัสสาวะสีน้ำตาลแดงคล้ำ และจะตายภายใน 2-5 วัน ส่วนแมวจะมีอาการหน้าบวม อุ้งเท้าบวม เบื่ออาหาร น้ำลายฟูมปาก อาเจียน เหงือกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหรือม่วงแดง น้ำปัสสาวะเป็นสีช็อกโกแลต ซึ่งเหล่านี้จะแสดงหลังได้รับยาเพียง 1-2 ชั่วโมง และตายภายใน 18-36 ชั่วโมง แมวโชคร้ายตัวใดที่กินยาชนิดนี้เข้าไปการรักษาไม่ค่อยจะได้ผล ส่วนหมานั้นจะมีโอกาสมากกว่าแต่ต้องรีบพาไปหาสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด นอกจากนั้น ยาของคนที่มักมีติดบ้านและเป็นอันตรายต่อหมาต่อแมวก็ยังมีอีก เช่น ยาแก้แพ้และยาแก้คัดจมูก แอสไพริน ฯลฯ เป็นต้น ช็อกโกแลตที่มีสารทีโอโบรมีนซึ่งเป็นพิษต่อทั้งหมาและแมว หมาน้ำหนัก 18 กิโลกรัมกินช็อกโกแลตเข้าไปเพียง 5 ออนซ์ ก็จะเกิดอาการป่วยอย่างรุนแรงและอาจถึงตายได้ วันวาเลนไทน์ที่เพิ่งผ่านไป หนุ่มหรือสาวคนไหนที่มีแฟนแลกช็อกโกแลตกัน รับประทานก็คงมีความสุขดี แต่ถ้ายังไม่มีคู่รักแล้วส่งช็อกโกแลตให้หมาสุดที่รักกินแทนที่จะเป็นวันแห่งความรักก็จะกลายเป็นโศกนาฏกรรมเสียเปล่าๆ ดังนั้นจงอย่าทำ และนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมเพิ่งรู้ทั้งๆ ที่เลี้ยงหมามาตั้งนาน เป็นหนังสือที่น่ามีไว้ติดบ้านครับ โดยเฉพาะสำหรับคนรักหมาประเภทจริงจัง รักจริงหวังเลี้ยงดูกันไปจนแก่เฒ่า!

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2551





ความรู้เกี่ยวกับสุนัข
สุนัขเป็นสัตว์ที่ชอบไล่ล่า มีความพยายาม อดทน และเฉลียวฉลาด โดยธรรมชาติแล้ว สุนัขเป็นสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เห็นได้จากสุนัขป่าที่นิยมอยู่รวมกันเป็นฝูง มีการแบ่งหน้าที่กันเลี้ยงลูกอ่อน และออกล่าเหยื่อเป็นอาหาร เมื่อมนุษย์นำมาสุนัขป่ามาเลี้ยง พฤติกรรมบางอย่างของสุนัขป่าจึงเปลี่ยนไป แต่ก็ยังคงมีสัญชาติญาณบางอย่าง ของบรรพบุรุษหลงเหลืออยู่
การเคลื่อนไหว
สุนัขบางพันธุ์สามารถวิ่งได้เร็วมาก เช่น หมาป่า ที่วิ่งได้ความเร็ว 56 ก.ม./ช.ม. สะลูกี้ และเกรย์ฮาว์น วิ่งได้เร็วถึง 70 ก.ม./ช.ม. แม้ว่าสุนัขจะวิ่งได้ไม่เร็วมากเหมือนเสือชีต้า (วิ่งได้ถึง 129 ก.ม./ช.ม.) แต่สุนัขมีลักษณะพิเศษที่ มีความอดทนสูงกว่า มันสามารถวิ่งติดต่อกันเป็นระยะทางไกลๆ เพื่อล่าเหยื่อ นอกจากนี้ สุนัขยังว่ายน้ำได้ดี โดยใช้ขากวักไปมาในน้ำ เช่น สุนัขป่าแรคคูนในจีน ญี่ปุ่น และไซบีเรีย ที่สามารถว่ายน้ำ และดำน้ำล่าเหยื่อได้เป็นเวลา หลายนาที
การดมกลิ่น
ความสามารถในการดมกลิ่นของสุนัขถือได้ว่าดีเยี่ยม (จะเป็นรองก็แค่ปลาไหลเท่านั้นแหละ) แต่ความสามารถที่ว่านี้จะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ แต่ก็ดีกว่ามนุษย์ถึงล้านเท่าทีเดียว จึงไม่น่าแปลกใจที่มนุษย์จะนำความสามารถนี้มาใช้ประโยชน์นับไม่ถ้วน เช่น ในฝรั่งเศส และอิตาลีใช้สุนัขในการค้นหาเห็ด Truffle ที่อยู่ลึกลงไปในดินถึง 30 ซม. ฮอลแลนด์ และเดนมาร์คใช้สุนัขในการค้นหาแก๊สรั่ว นอกจากนี้ ยังใช้สุนัขในการค้นหาวัตถุระเบิด ยาเสพติด และคนหายอีกด้วย
สุนัขทำได้อย่างไร เราลองมาดูกัน องค์ประกอบของกลิ่นต่างๆ คือ โมเลกุลของสารเคมี ที่ล่องลอยในอากาศ สุนัขจะได้กลิ่นโดยผ่านทางเนื้อเยื่อภายในจมูก และเนื้อเยื่อ ก็จะส่งข้อมูลของกลิ่นนี้ไปยังสมอง สุนัขได้ พัฒนาทักษะในการดมกลิ่นมายาวนานมาก ว่ากันว่า พื้นที่การดมกลิ่นในจมูกของมนุษย์ ผู้ใหญ่มีประมาณ 3 ตร. ซม. แต่ของสุนัข เฉลี่ยแล้วมีถึง 130 ตร. ซม. ทีเดียว นอกจากนี้ สุนัขยังมีเส้นประสาทดมกลิ่นมากกว่ามนุษย์มาก คือ มนุษย์มีเส้นประสาทดังกล่าว 5 ล้านเซล แต่ดัชชุนมีถึง 125 ล้านเซล ฟ็อกซ์เทอร์เรีย มี 147 ล้านเซล เยอรมันเชพเพิร์ดมี 220 ล้านเซล จมูกที่เปียกยังช่วยให้การดมกลิ่นดีขึ้น คือ มันจะช่วยซึมซับกลิ่นที่ล่องลอยในอากาศ และส่งต่อไปยังเนื้อเยื่อรับกลิ่นภายในจมูก และไล่กลิ่นเดิมที่ตกค้างอยู่ออกไป
การรับรส
ประสาทการรับรสของสุนัขค่อนข้างแย่เมื่อเทียบกับมนุษย์ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสุนัขเป็นสัตว์ กินเนื้อ ในสมัยดึกดำบรรพ์จึงต้องล่าเหยื่อเพื่อเป็นอาหาร และต้องกินทุกอย่างที่ล่ามาได้ ต่างจากมนุษย์ที่เป็นสัตว์กินพืช จึงสามารถเลือกอาหารกินตามความต้องการได้ ประสาทการรับรสจึงถูกพัฒนามากกว่า
การได้ยิน
เป็นอีกสิ่งหนึ่งสุนัขทำได้ดีกว่ามนุษย์ สุนัขส่วนใหญ่มีหูใหญ่ ที่ประกอบไปด้วย กล้ามเนื้อถึง 17 มัด และสามารถบิดหูไปมาเพื่อรับคลื่นเสียงให้ตรงกับแหล่งที่มาได้ โดยมันสามารถ รับคลื่นเสียงได้ถึง 35,000 Vibration ต่อวินาที เทียบกับมนุษย์ที่ 20,000 ต่อวินาที และแมว 25,000 ต่อวินาที นอกจากนี้ มันยังสามารถแยกความแตกต่างระหว่างเสียงต่างๆ ได้ด้วย แต่ที่พิเศษยิ่งไปกว่านี้ คือ มันสามารถปิดหูชั้นใน เพื่อที่จะกรองเสียงภายนอกอื่นๆ ที่ไม่ต้องการออกไป เหลือไว้แต่เสียงที่ต้องการเท่านั้น
การมองเห็น
สุนัขสายตาไม่ดีนัก ส่วนใหญ่จึงใช้การดมกลิ่นในการล่าสัตว์มากกว่าสายตา แต่ก็มีสุนัขบางพันธุ์ที่ได้พัฒนาความสามารถในการมองเห็น จนสามารถใช้สายตา ในการล่าสัตว์ได้ เช่น เกรย์ฮาว์น เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม สุนัขไม่สามารถมองเห็นภาพสี ภาพที่มันมองเห็นจะเป็นโทนสีขาว ดำ และเทาเท่านั้น
ความสามารถอื่นๆ
สุนัขจะอ่อนไหวกับการสั่นสะเทือนมาก และในบางครั้งจะสามารถเตือนให้เราทราบถึง การสั่นสะเทือนของโลก ก่อนที่เราจะทราบเสียอีก ที่น่าแปลกคือ มันสามารถแยกแยะ ระหว่างการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ที่เกิดจากการเลื่อนของเปลือกโลก ซึ่งมักจะเกิดขึ้น เป็นประจำทุกปี กับการเกิดแผ่นดินไหวที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้
สุนัขยังเป็นผู้อารักขาที่ทรงประสิทธิภาพอีกด้วย กรามที่ทรงพลังของมันทำให้มันกัดได้ อย่างหนักหน่วง สุนัขพันธุ์ทางหนัก 20 ก.ก. สามารถออกแรงกัดคิดเป็นแรงกดได้ถึง 165 ก.ก. ซึ่งเมื่อเทียบกับมนุษย์ผู้ใหญ่แล้ว คนเราออกแรงกัดได้เพียง 20-29 ก.ก. เท่านั้น
นอกจากนี้ สุนัขยังมีประสาทสัมผัสพิเศษอีกอย่างหนึ่ง ที่เราเรียกว่า "ประสาทสัมผัสที่ 6" จากการทดลองอย่างเข้มงวด มีหลักฐานให้เชื่อว่า สุนัขมีความสามารถในการรับรู้ เกี่ยวกับวิญญาณ และโทรจิต จึงไม่น่าแปลกที่สุนัขมักจะทราบล่วงหน้า ก่อนที่คุณจะตัดสินใจอีกว่า จะออกไปข้างนอก และปล่อยให้มันอยู่บ้านตามลำพัง!

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2551